อุปกรณ์ Slow bar เบื้องต้นที่คนทำกาแฟต้องมี

1740 จำนวนผู้เข้าชม  | 


อุปกรณ์ Slow bar เบื้องต้นที่คนทำกาแฟต้องมี

          ก่อนจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ชงกาแฟที่คนทำกาแฟต้องมีนั้น คุณควรรู้เกี่ยวกับกาแฟสโลว์บาร์กาแฟที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ และในหลายๆ ร้านกาแฟก็หันมาเปิดร้านกาแฟในรูปแบบนี้กัน เพราะร้านกาแฟรูปแบบนี้เป็นร้านกาแฟทางเลือกสำหรับใครที่ชื่นชอบกาแฟและอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองแต่มีเงินเริ่มต้นสำหรับลงทุนน้อย เป็นร้านที่สามารถตัดงบประมาณอย่างเครื่องชงกาแฟหรือเครื่องบดกาแฟไปได้ เพราะการเปิดร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์นั้นเน้นกำลังของคนชงเป็นหลัก ประกอบกับ อุปกรณ์ Slow Bar และเรื่องเล่าที่ผ่านการชงอย่างพิถีพิถัน ถ่ายทอดออกมาเป็นกาแฟสโลว์บาร์ที่คุณดื่ม

อุปกรณ์ Slow bar กับวิธีการสกัดกาแฟ

          วิธีการสกัดกาแฟแบบสโลบาร์ เราจะเรียกภาพรวมว่า “Hand Brewing” ซึ่งประกอบไปด้วยหลากหลายวิธีในการสกัด อันที่เราน่าจะคุ้นชินมากที่สุดสำหรับสายกาแฟสโลว์บาร์ก็คือการสกัดกาแฟแบบดริป (Drip Coffee) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น แอโรเพรส (Aeropress), ไซฟอน (Syphon), เฟรนช์เพรส (Frenchpress) หรือชงแบบหม้อต้มโมก้าพอท (Mokapot) วิธีการสกัดแต่ละรูปแบบก็จะมีอุปกรณ์สำหรับการชงที่ต่างกันไป ซึ่งเป็นวิธีการชงกาแฟที่ใช้เวลาในการทำต่อแก้วประมาณ 10 - 20 นาที และนี่จึงเป็นเหตุผลที่เรียกว่า "กาแฟสโลว์บาร์” เพราะว่าใช้เวลาต่อแก้วค่อนข้างนานนั่นเอง และถ้าใครสนใจการเรียนทำกาแฟแบบสโลว์บาร์ก็สามารถลงคอร์สเรียนกับ Barista Buddy ได้ จะมีคลาส Pour Over ที่สอนเกี่ยวกับการดริปกาแฟ ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยดูรายละเอียดคอร์สเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา คลิ๊กที่ คอร์สเรียน ได้เลยค่ะ

5 อุปกรณ์ Slow bar ที่ต้องมี

1. อุปกรณ์สำหรับชง

          สำหรับอุปกรณ์ชิ้นแรกสำหรับการทำกาแฟคืออุปกรณ์สำหรับการชง ซึ่งวิธีการในการเลือกซื้ออุปกรณ์ในการชงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้วิธีสกัดช็อตกาแฟด้วยวิธีไหน ถ้าคุณเลือกสกัดแบบดริป (Drip Coffee) สิ่งที่คุณจะต้องมีไว้ให้พร้อมเสมอก็คือชุดดริป ซึ่งชุดดริปก็จะประกอบไปด้วย ดริปเปอร์ กระดาษรอง แต่ถ้าหากคุณเลือกวิธีสกัดแบบหม้อต้มโมก้าพอท (Mokapot) สิ่งที่คุณจะต้องมีคือ หม้อต้มโมก้าพอท มีเตาไฟฟ้า หรือเตาแก๊ส หรือคุณจะไม่เลือกวิธีสกัดแบบที่กล่าวมาทั้งสองแบบเลย แต่คุณอยากเลือกวิธีสกัดกาแฟแบบ แอโรเพรส (Aeropress), ไซฟอน (Syphon) หรือเฟรนช์เพรส (Frenchpress) คุณก็ต้องมีเครื่องชงแบบ แอโรเพรส (Aeropress), ไซฟอน (Syphon) และเฟรนช์เพรส (Frenchpress) พร้อมกับกระดาษกรองสำหรับกรองกากกาแฟ

2. เครื่องบดกาแฟมือหมุน

          ขั้นตอนนึงที่เป็นขั้นตอนสำคัญไม่แพ้ไปกว่าการชงหรือการสกัดกาแฟก็คือการบดเมล็ดกาแฟ เพราะเป็นขั้นตอนแรกที่คุณจะต้องทำก่อนลงมือชง และเป็นอุปกรณ์สำหรับสำหรับสายชงและสายดื่มกาแฟแบบสโลว์บาร์ ซึ่งเครื่องบดกาแฟที่ร้านสายกาแฟสโลบาร์นั้นเลือกใช้และเหมาะมากที่สุดกับร้าน คือเครื่องบดกาแฟมือหมุน เครื่องบดที่เน้นกำลังของคนทำ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เลือกระดับความละเอียดของผงกาแฟที่ต้องการได้ หาซื้อได้ง่าย มีหลากหลายยี่ห้อ ราคามีตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพงขึ้นอยู่กับยี่ห้อเครื่องบดที่คุณเลือกซื้อ

3. เครื่องชั่งดิจิตอล

          เครื่องชั่งน้ำหนักเป็น อุปกรณ์ Slow Bar ที่เป็นตัวช่วยให้คุณกำหนดอัตราส่วนที่คง และกำหนดรสชาติของกาแฟที่คุณชง ให้คุณได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด ซึ่งเครื่องชั่งแบบดิจิตอลเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการชงกาแฟประเภทนี้ เพราะเครื่องชั่งจะแสดงค่าที่แม่นยำ สามารถตัดน้ำหนักของภาชนะที่ใส่ได้ และเริ่มต้นการชั่งใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ทำความสะอาดได้ง่าย มีหลายแบบและหลายราคา

4. กาต้มน้ำ

          น้ำร้อนๆ คือส่วนสำคัญให้กาแฟของคุณนั้นพร้อมดื่ม คุณสามารถเลือกกาต้มน้ำแบบกาไฟฟ้าหรือกาต้มแก็สก็ได้ เพราะส่วนสำคัญสำหรับการเทน้ำลงผงกาแฟคือปริมาณน้ำและความร้อน

5. เมล็ดกาแฟ

          อุปกรณ์สุดท้าย และเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณได้ดื่มกาแฟแบบสโลว์บาร์ก็คือเมล็ดกาแฟคั่วคุณสามารถเลือกแบรนด์กาแฟ เมล็ดกาแฟ สายพันธุ์ของกาแฟ ประเภทการคั่วของกาแฟได้ตามความชื่นชอบส่วนตัวของคุณ เพราะเมล็ดกาแฟจะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะชูรสชาติความอร่อยของกาแฟที่คุณดื่ม สิ่งสำคัญที่คุณควรจะรู้ไว้สำหรับเมล็ดกาแฟคือ เมล็ดกาแฟคั่วที่คุณชงต้องเป็นเมล็ดกาแฟคั่วใหม่ ไม่ควรบดทิ้งเอาไว้ ไม่มีกลิ่นไหม้จากการคั่ว เพราะสามสิ่งที่เรากล่าวมานี้ จะเป็นส่งผลถึงรสชาติของกาแฟของคุณ

เมล็ดกาแฟที่เหมาะกับการทำกาแฟสโลว์บาร์

          นอกจาก อุปกรณ์ Slow Bar ที่เป็นส่วนสำคัญในการชงกาแฟแล้ว การเลือกเมล็ดกาแฟก็เป็นส่วนสำคัญกับรสชาติเหมือนกัน สำหรับการชงกาแฟแบบสโลว์บาร์ มักเลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน (Right Roast) จนถึงเมล็ดกาแฟคั่วกลาง (Medium Roast) เพราะการคั่วกาแฟในระดับนี้ ยังคงซึ่งกลิ่นและรสชาติที่ซับซ้อนเต็มไปด้วยรายละเอียดของเมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกเอาไว้อยู่ ดังนั้นสำหรับเมนู ร้านกาแฟ Slow Bar จึงเลือกเมล็ดกาแฟมาเพื่อชิม และสัมผัสรสชาติเฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟนั้นๆ ซึ่งเราขอแนะนำเมล็ดกาแฟอย่าง เมล็ดกาแฟเอธิโอเปีย เป็นกาแฟสายพันธุ์เก่าแก่ของโลก มีขั้นตอนการผลิตอย่างพิถีพิถัน รสชาติเฉพาะตัวโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กลิ่นหอมแบบผลไม้รสเปรี้ยว และดอกไม้ เนื้อสัมผัสที่ได้จากเมล็ดกาแฟเอธิโอเปียเบาบาง และมีความหวานที่ลงตัว และเมล็ดกาแฟอีก 2 เมล็ดที่สายกาแฟสโลว์บาร์ควรได้ลองเหมือนกันคือเมล็ดกาแฟโคลอมเบีย (Colombia Supremo) เมล็ดกาแฟยอดนิยม ได้รสเปรี้ยวของ Citrus และ Fruity ตบท้ายด้วย Cacao และให้ความหวานแบบคาราเมล ครีมมี่ๆ มีสัมผัสที่นุ่มนวล เมล็ดกาแฟสุดท้ายเมล็ดกาแฟไทยแท้ เมล็ดกาแฟดอยช้าง Doi Chang Bleand Tropical Blend เมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100 เปอร์เซ็นต์จากแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เมล็ดกาแฟที่มีบอดี้หนักแน่นรสชาติกาแฟที่คุณได้ดื่มเข้าไปจะติดค้างอยู่ที่ปากนานกว่าปกติ เป็นเมล็ดกาแฟที่เน้นความ Aroma และได้รสเปรี้ยวชุ่มฉ่ำจากผลไม้

ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Line Official คลิ๊ก >> 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้