4276 จำนวนผู้เข้าชม |
ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าใครหลายคนจะอยากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เพราะกาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม มีรสชาติที่เข้มข้นและละเอียดอ่อน มีกลิ่นหอมที่กระตุ้นการผ่อนคลาย แถมยังสามารถเป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนและสามารถดื่มเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ที่รวดเร็วได้อีกด้วย และถึงแม้ในปัจจุบันการเปิดร้านกาแฟจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องสนุกที่จะได้เพลินเพลินไปกับรสชาติและเรื่องราวของกาแฟแล้วละก็ การแข่งขันที่ว่าสูง ทุกคนก็พร้อมที่กระโจนเข้าสู่การทำธุรกิจร้านกาแฟ และในการเปิดร้านกาแฟจะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเตรียมตัวให้พร้อม เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปตามความฝัน โดยส่วนมากก็จะเริ่มด้วยการเปิดร้านเล็กๆก่อน เพราะสามารถเปิดได้ง่าย หากไม่มีสถานที่ก็เปิดที่บ้านตนเองได้ และเราจะแนะนำเครื่องมือและอุปกรณ์คุณภาพ สำหรับ เปิดร้านกาแฟเล็กๆ ต้องมีอะไรบ้าง ที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับการเปิดร้านกาแฟรสชาติอร่อย ที่ใครมาก็ต้องติดใจและบอกต่อ
1. เครื่องชงกาแฟ
เครื่องทำกาแฟในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 7 ประเภท แต่เครื่องชงกาแฟที่พบเห็นได้บ่อยๆ คือ เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine) ที่เหมาะสมกับร้านกาแฟแบบ Speed Bar และเครื่องชงกาแฟดริป (Drip Coffee) ที่เหมาะกับร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์ (Slow Bar)
- เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine)
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่หรือเครื่องชงกาแฟแรงดันไอน้ำ เป็นเครื่องชงกาแฟสดที่ใช้แรงดันไอน้ำจากหม้อต้มอัดผ่านตัวกรองที่บรรจุผงกาแฟเพื่อสกัดน้ำกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น หรือจะเรียกว่าเอสเพรสโซ่ช็อตก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องชงกาแฟประเภทนี้จะเน้นใช้งานในร้านกาแฟที่ต้องการเน้นความเสถียรของการชง ความรวดเร็วในการชงและฟังก์การใช้งาน โดยทั่วไปแล้วเครื่องชงจะมีตั้งแต่ 1 หัวไปจนถึง 3 หัว สามารถปรับปริมาณน้ำ ปริมาณกาแฟ ระดับการไหลของกาแฟไปจนถึงสามารถตั้งโปรไฟล์การชงกาแฟที่เหมาะสมแต่ละเมนูได้
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่แนะนำ
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่นำมาแนะนำในวันนี้เป็นเครื่องชงกาแฟ Nuova Simonelli Oscar || Direct 1G เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก 1 หัวชง ที่มีฐานการผลิตอยู่มนประเทศอิตาลี ตัวเครื่องทำจาก Stainless steel แข็งแรง ทนทาน ใช้งานง่าย เพราะทุกส่วนของอุปกรณ์ถูกจัดสรรและวางอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อผู้ใช้งานมากที่สุด
ข้อมูลจำเพาะตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง : 300x408x400 มิลลิเมตร
กำลังไฟฟ้า : 1,200 วัตต์
ความจุหม้อต้ม : 2 ลิตร
ระบบการต่อน้ำ : ต่อน้ำตรง
ปริมาณแก้วที่เหมาะสมต่อวัน : 50 - 60 แก้ว
ระบบการทำงาน : ปุ่มกด Soft Touch
รสชาติกาแฟที่ได้ : กาแฟที่สกัดมีกลิ่นหอมและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
- ที่ชงกาแฟดริป (Drip Coffee)
เครื่องชงกาแฟแบบดริป เป็นเครื่องชงกาแฟที่นิยมอย่างแพร่หลายในร้านกาแฟแบบสโลว์บาร์ เพราะนอกจากจะราคาถูกกว่าเครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่แล้ว ยังสามารถกำหนดรสชาติกาแฟผ่านเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนไปจนถึงคั่วเข้มได้ตามต้องการ และนอกจากนั้นสำหรับลูกค้าที่เป็นสายชื่นชอบเรื่องราวของเมล็ดกาแฟ การชงกาแฟแบบดริปจะเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า เพราะได้พูดคุยถึงรสชาติและแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟกับบาริสต้าโดยตรง
อุปกรณ์ที่แนะนำสำหรับชงกาแฟแบบดริป
เครื่องชงกาแฟแบบดริปจะแตกต่างจากเครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่เพราะต้องประกอบไปด้วยอุปกรณ์ในการสกัดน้ำกาแฟหลายชิ้น ซึ่งอุปกรณ์สำหรับดริปกาแฟในวันนี้เราเลือกอุปกรณ์ของ TIMEMORE (ไทม์มอร์) อุปกรณ์ทำกาแฟที่รสชาติกาแฟเป็นดั่งบาริสต้ามืออาชีพ มีอุปกรณ์ครบครันสามารถสร้างศิลปะการชงกาแฟได้รสชาติอร่อยและหอมกรุ่นได้ง่ายๆ โดยอุปกรณ์ที่แนะนำสำหรับดริปกาแฟมีดังนี้
1.) TIMEMORE ดริปเปอร์แก้ว (Dripper)
ดริปเปอร์ที่ถูกออกแบบมาเป็น 3 ส่วน ทำจาก Borosilicate Glass แก้วคุณภาพสูง ทนความร้อนได้ดี ช่วยให้การสกัดกาแฟดีกว่าเดิม ช่วยควบคุมน้ำได้เและช่วยให้น้ำไหลได้อย่างพอดี
2.) TIMEMORE กระดาษกรอง
กระดาษกรองออกแแบพิเศษให้มีรูปร่างและขนาดเท่ากับดริปเปอร์ เพื่อให้แนบสนิทและไม่เกิดช่องระหว่างกระดาษ Filter และ Dripper
3.) TIMEMORE เหยือก
เหยือกสำหรับเทกาแฟดริปที่ถูกออกแบบอย่างมีสไตล์ มีปากเหยือกที่สามารถเทกาแฟได้สะดวกและมีด้ามจับที่หนา สามารถนำไปใช้ในอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -80 องศาเซลเซียส ถึง 200 องศาเซลเซียส มี 2 ขนาดให้เลือกคือ 360 และ 600 มิลลิลิตร
4.) TIMEMORE กาไฟฟ้าปากแคบ
กาไฟฟ้ต้มน้ำเร็ว ถึงจุดเดือด 100 องศาเซลเซียสใน 3 - 5 นาที สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ด้วยปุ่ม Quick Boil และสามารถเลือกขนาดเส้นไหลของน้ำ ปรับเพิ่มลดอุณหภูมิด้วยระบบสัมผัส และมีปุ่ม Auto water Reboiling ที่สามารถ Set อุณหภูมิได้คงที่ตลอดเวลา 12 ชั่วโมง มีระบบตัดการทำงานเมื่อน้ำในกาแห้ง
2. เครื่องบดกาแฟ
เครื่องบดกาแฟคืออีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ร้านกาแฟขาดไม่ได้ เพราะคุณภาพของรสชาติกาแฟนอกจากเครื่องชงกาแฟแล้วเครื่องบดยังส่งผลต่อรสชาติของกาแฟไม่น้อย ซึ่งการเลือกเครื่องบดกาแฟให้เหมาะสมกับร้านขึ้นอยู่กับประเภทของร้านและปริมาณแก้วที่ชงต่อวัน ซึ่งเราขอแนะนำ 2 เครื่องบดกาแฟ เครื่องบดกาแฟอัตโนมัติ Mahlkonig รุ่น X54 ที่เหมาะกับร้านกาแฟขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางและเครื่องบดกาแฟมือหมุน TIMEMORE ที่เหมาะกับร้านกาแฟขนาดเล็กอย่างร้านกาแฟสโลว์บาร์
- เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig รุ่น X54
เครื่องบดกาแฟอัตโนมัติ Mahlkonig รุ่น X54 เหมาะกับร้านกาแฟที่มีเมนูกาแฟหลากหลาย เพราะสามารตั้งค่าการบดเมล็ดกาแฟได้มากถึง 35 รูปแบบ ตัวจานบดทำจากเหล็กพิเศษ ขนาด 54 มิลลิเมตร มีมอเตอร์ที่ทนทานการใช้งานกว่า 25,000 ช็อตและมีเสียงขณะบดต่ำกว่า 70 เดซิเบล เหมาะกับร้านที่ต้องการรักษาบรรยากาศที่เงียบสงบและเน้นผลลัพธ์จากการบดกาแฟที่มีรสชาติดี
ข้อมูลจำเพาะตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง : 190 x 425 x 280 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวเครื่อง : 5.1 กิโลกรัม
กำลังไฟฟ้า : 220 - 240 โวลต์/ 120 วัตต์
ความจุโถกาแฟ : 500 กรัม
ประเภทจานบด : จานบดแบบแบน
- เครื่องบดกาแฟมือหมุน TIMEMORE
เครื่องบดกาแฟ TIMEMORE มีใบมีดสำหรับบดเป็น Stainless steel สามารถรองรับการบดกาแฟได้มากสุดประมาณ 25 กรัม สามารถควบคุมความละเอียดของเมล็ดกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบดได้เร็วและสม่ำเสมอ ช่วยเสริมความชัดเจนของกลิ่นและรสชาติของเมล็ดกาแฟ เหมาะสำหรับการบดกาแฟทุกประเภท
3. เครื่องปั่นสมูทตี้
หากสามารถเพิ่มเมนูเครื่องดื่มให้กับร้านกาแฟได้ ก็จะสามารถเพิ่มกลุ่มลูกค้าและรายได้ที่มากขึ้น ดังนั้นนอกจากจะมีเมนูกาแฟร้อน เมนูกาแฟเย็นแล้ว เครื่องปั่นสมูทตี้จะช่วยให้ร้านกาแฟมีตัวเลือกเมนูให้ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งเครื่องปั่นสมูทตี้ที่เรานำมาแนะนำในวันนี้คือ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ เครื่องปันสมูทตี้ Vitamix Drink Advance เครื่องปั่นสำหรับร้านกาแฟมืออาชีพที่สามารถปั่นทุกส่วนผสมของเครื่องดื่มให้เข้ากันได้อย่างรวดเร็วและสามารถตั้งโปรแกรมการปั่นได้มากถึง 6 โปรแกรม มีวัสดุตัวเครื่องทำมาจาก Polycarbonate (Advance Container and blade) แข็งแรง ทนทาน มีขนาดความจุอยู่ที่ 0.9 ลิตร มาพร้อมกับฝาปิดใบมีดออกแบบพิเศษ ทำจากสเตนเลสชุบแข็งพิเศษและมีปุ่ม Pulse สำหรับควบคุมโถปั่นเมื่อต้องการปั่นเพิ่มเติม
ข้อมูลจำเพาะตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง : 44.9 x 20.3 x 22.9 เซ็นติเมตร
น้ำหนักตัวเครื่อง : 5.9 กิโลกรัม (พร้อมโถ 0.9 ลิตร)
กำลังไฟฟ้า : 220 - 240 โวลต์/ 50 Hz / 1 Phase / 1000 -1200 วัตต์
ขนาดมอเตอร์ : มอเตอร์ 2 แรงม้า
นอกจากความพร้อมด้าน อุปกรณ์เปิดร้านกาแฟ มีอะไรบ้าง แล้ว สิ่งสำคัญในการชงกาแฟรสชาติอร่อยที่ขาดไม่ได้ คือวัตถุดิบอย่าง เมล็ดกาแฟ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำทั้งเมล็ดกาแฟไทยและเมล็ดกาแฟนอกพื้นฐานที่ควรมีติดร้านไว้ หากอยากได้เครื่องดื่มรสชาติอร่อย หอมเข้มข้น ลูกค้าติดใจ
1. เมล็ดดอยช้าง
เมล็ดกาแฟดอยช้างเป็นเมล็ดกาแฟไทยที่สร้างชื่อเสียงไกลไปถึงระดับโลก เป็นเมล็ดกาแฟผู้อยู่เบื้องหลังร้านกาแฟที่มีกาแฟรสชาติอร่อยหลายๆ ร้าน เหมาะสมกับนำไปเป็นจุดขายให้กับร้านกาแฟ โดยแบรนด์เมล็ดกาแฟคั่วดอยช้างที่แนะนำคือ เมล็ดกาแฟคั่วจากบาริสต้า บัดดี้ เพราะมีแหล่งที่มาจากดอยช้าง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย แหล่งเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ดีที่สุดในประเทศไทย มีรสชาติกลมกล่อม เจือรสเปรี้ยวจากผลไม้ กลิ่นหอม ดื่มแล้วชุ่มคอ มีสารคาเฟอีนต่ำและมีตัวเลือกเมล็ดกาแฟให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นแบบ Blend หรือ Single Origin
ตัวเลือกเมล็ดกาแฟดอยช้างจากบาริสต้า บัดดี้
2. เมล็ดกาแฟเอธิโอเปีย
เมล็ดกาแฟเอธิโอเปียเป็นเมล็ดกาแฟนอก เป็นเมล็ดกาแฟที่มีสายพันธุ์ต้นกำเนิดเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งเมล็ดกาแฟคั่วเอธิโอเปียที่แนะนำคือ เมล็ดกาแฟคั่วระดับอ่อนและกลางของบาริสต้า บัดดี้ เพราะเมล็ดกาแฟเป็นเมล็ดกาแฟนำเข้าจากไร่กาแฟที่เป็นต้นกำเนิดของเมล็ดกาแฟสายพันธุ์เก่าแก่ มีขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถัน มีรสชาติกาแฟเป็นเอกลักษณ์และน่าหลงใหล มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้รสเปรี้ยว สดชื่น และดอกไม้ มีเนื้อสัมผัสที่บางเบาและมีความหวานที่ลงตัว เหมาะกับนำไปเป็นเมล็ดกาแฟชูโรงในร้านกาแฟ หรือนำไปชงกาแฟอเมริกาโน่ หรือทำ Cold Brew
และนอกวัตถุดิบอย่างเมล็ดกาแฟที่สามารถหาซื้อได้ที่บาริสต้า บัดดี้แล้ว อุปกรณ์หรือเครื่องมือสำหรับการ เปิดร้านกาแฟเล็กๆ ต้องมีอะไรบ้าง ที่เราได้แนะนำไปทั้งหมด เหล่านักธุรกิจผู้ที่กำลังเตรียมความพร้อมสามารถหาซื้อ เครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ เมล็ดกาแฟและอุปกรณ์การชงกาแฟอื่นๆ รวมถึงสามารถลงคอร์สเรียนการชงกาแฟและพื้นฐานการเป็นบาริสต้าได้ที่บาริสต้า บัดดี้ เพื่อนคู่คิดธุรกิจกาแฟที่จะอยู่เป็นเพื่อนกับคุณตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันเปิดร้านกาแฟ สนใจสอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนและสั่งซื้ออุปกรณ์พร้อมวัตถุดิบได้ที่ https://www.baristabuddy.co.th/ หรือโทร 02-887-5335
ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Line Official คลิ๊ก >>