2115 จำนวนผู้เข้าชม |
สำหรับคนรักกาแฟต่างรู้ดีว่า แก้วกาแฟที่อร่อยเริ่มต้นด้วยเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพพร้อมกับการบดเมล็ดกาแฟที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งการได้บดเมล็ดกาแฟใหม่ในทุกครั้งที่ชงจะช่วยให้เมล็ดกาแฟมีความสด รสชาติอร่อยและสามารถเลือกขนาดของการบดให้เหมาะสมกับประเภทของกาแฟที่ชงได้ ดังนั้นนอกจากเครื่องชงกาแฟอุปกรณ์สำคัญของรสชาติก็ยังมีเครื่องบดกาแฟเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่คอกาแฟต้องเลือกซื้อไว้ติดบ้านหรือร้านกาแฟ โดยในการเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟให้ตรงกับความต้องการด้านรสชาติและวิธีการในการบดนั้น วันนี้เราได้เตรียมคู่มือฉบับเข้าใจง่าย มาช่วยให้คนรักกาแฟเข้าใจและสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ เครื่องบดกาแฟ ยี่ห้อไหนดี พร้อมทั้งแนะนำเครื่องบดกาแฟที่จัดได้ว่าเป็นราชาแห่งเครื่องบดที่มีคุณภาพ และนวัตกรรมสุดยอดเยี่ยม ให้เป็นเครื่องมือสำคัญบนเคาน์เตอร์บาร์ของคุณ
ประเภทของเครื่องบดกาแฟที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนรักกาแฟนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีในการชงและรสชาติที่ต้องการ โดยเครื่องบดจะมีตั้งแต่เครื่องบดแบบมือหมุนไปจน เครื่องบดกาแฟไฟฟ้า espresso ที่จะแยกออกไปเป็นเครื่องบดแบบเฟืองบด และเครื่องบดแบบใบมีดอีกที ซึ่งสำหรับวันนี้เราจะพาคนรักกาแฟไปรู้จักกับ 9 วิธีเลือกเครื่องบดกาแฟไฟฟ้า เครื่องบดกาแฟที่จะช่วยทุ่นแรงและลดเวลาในการชงกาแฟ
1. ขนาดการบด (Grind Size)
อยากได้รสชาติกาแฟที่ดี ขนาดของการบดเมล็ดกาแฟต้องตรงกับวิธีในการชง ยกตัวอย่างเช่น ผงกาแฟแบบหยาบเหมาะกับการชงแบบเฟรนช์เพรส เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการสัมผัสน้ำเป็นเวลานาน เพื่อดึงรสชาติกาแฟที่สมบูรณ์แบบ หรือผงกาแฟแบบละเอียดที่เหมาะกับการชงกาแฟเอสเพรสโซ่ เพราะต้องใช้การชงที่รวดเร็วและแรงดันสูง ดังนั้นก่อนเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟสิ่งที่แรกที่ต้องคำนึงถึงคือความสามารถในการบดเมล็ดกาแฟขนาดต่างๆ
2. การตั้งค่า (Setting)
ข้อดีของเครื่องบดกาแฟไฟฟ้าคือ สามารถตั้งค่าตัวเครื่อง ปรับแต่งการบดให้เหมาะสมกับวิธีในการชงได้ โดยส่วนสำคัญของการดึงรสชาติที่แท้จริงของเมล็ดกาแฟออกมา คือต้องเลือกเครื่องบดที่มีการบดเมล็ดกาแฟที่สม่ำเสมอ และเครื่องบดที่เหมาะสำหรับรสชาติกาแฟที่ดีควรเลือกเป็นเครื่องบดแบบเฟืองบด (Burr Grinder) เพราะเครื่องบดแบบเฟืองบดจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถเลือกความละเอียดของผงกาแฟได้ตั้งแต่หยาบไปจนถึงละเอียดมาก ซึ่งจะตรงกันข้ามกับเครื่องบดแบบใบมีด (Blade Grinder) ที่มีความละเอียดเพียงขนาดเดียว
3. ความจุ (Capacity)
สำหรับการชงกาแฟภายในบ้านเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดอาจจะเพียงพอและพอเหมาะ เนื่องจากเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดมีขนาดเล็กหรือสามารถบดเมล็ดกาแฟได้ประมาณ 12 แก้ว แต่สำหรับร้านกาแฟเครื่องบดกาแฟแบบเฟืองบดจะตอบโจทย์กว่า เพราะมีโถเก็บเมล็ดกาแฟที่ใหญ่กว่า สามารถบดกาแฟได้หลายแก้วต่อวัน และสามารถกำหนดปริมาณของผงกาแฟ ขนาดของภาชนะและความละเอียดในการบดเมล็ดกาแฟได้
4. ความเร็ว (Speed)
ความเร็วในการบดกาแฟมีหน่วยเป็น RPM ซึ่ง RPM ที่ทำความเร็วต่ำจะทำให้เกิดความร้อนสะสมน้อย ได้ผงกาแฟหยาบกว่า บอดี้กลาง เวลาในการหมดใช้เวลานานกว่า ส่วนเครื่องบดที่มีการทำความเร็ว RPM สูงจะมีมอเตอร์ขนาดใหญ่กว่า สร้างขนาดการบดที่สม่ำเสมอกว่าและเกิดความร้อนและเสียงดังมากกว่า ได้ผงกาแฟละเอียด บอดี้หนัก กาแฟรสเช้ม รอบบดต่อแก้วจะรวดเร็วและใช้เวลาน้อย ดังนั้นเครื่องบดกาแฟส่วนใหญ่ที่ใช้ภายในบ้านหรือร้านกาแฟมักจะเป็นเครื่องบดแบบเฟืองบด หรือเครื่องบดที่ RPM ความเร็วต่ำ
5. ขนาดของเครื่องบด (Product Size)
เมื่อต้องเลือกเครื่องบด สิ่งที่ต้องพิจารณาอันดับต่อมาคือขนาดพื้นที่เคาน์เตอร์หรือตู้สำหรับการวางเครื่องบด ขนาดของเครื่องบดควรพอดีกับพื้นที่ สะดวกในการใช้งานในทุกวัน โดยส่วนใหญ่เครื่องบดแบบใบมีดจะมีขนาดเล็กกว่าเครื่องบดแบบเฟืองบดและสามารถเก็บใส่ลิ้นชักได้ หากมีพื้นที่ใช้สอยน้อย
6. เสียงรบกวน (Noise)
เสียงรบกวนอาจเป็นหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อ เพราะหลายร้านกาแฟต้องการความเงียบและความสงบเพื่อบรรยากาศที่น่านั่ง ดังนั้นสำหรับเครื่องบดกาแฟที่เงียบ ไม่มีเสียงรบกวนควรเลือกเป็นเครื่องบดกาแฟเฟืองบดแบบทรงกรวยหรือแบบเรียบ และไม่ควรเลือกเครื่องบดแบบใบมีด เพราะเป็นตัวเลือกที่มีเสียงดังที่สุด
7. วัสดุ (Material)
ส่วนใหญ่ในเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดจะมีโถและใบมีดเป็นสแตนเลส ส่วนในเครื่องบดแบบเฟืองบดจะมีวัสดุที่หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็นเซรามิก สแตนเลส หรือเหล็กกล้าไร้สนิม ซึ่งเหล็กกล้าไร้สนิมเป็นวัสดุที่ใช้บ่อยที่สุดเพราะแข็งแรงที่สุด
8. ทำความสะอาด (Cleanup)
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ต้องใส่ใจในเรื่องของรสชาติ ดังนั้นสิ่งสำคัญคืออุปกรณ์ทุกอุปกรณ์ต้องได้รับการทำความสะอาดอยู่เสมอ เพราะเครื่องบดที่สะอาดจะทำให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีข้ึน และสำหรับการเลือกซื้อเครื่องบดไม่ว่าจะเป็นเครื่องบดแบบเฟืองบดหรือแบบใบมีดควรศึกษาถึงขั้นตอนทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง
9. ความสวยงาม (Aesthetic)
เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ปรากฏอยู่บนเคาน์เตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ในบ้านหรือเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟต่างเป็นภาพลักษณ์และภาพรวมที่มีความสำคัญ ดังนั้นนอกจากการทำงานของตัวเครื่อง ดีไซน์ก็มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อไม่แพ้กัน
และในเครื่องบดแต่ละแบรนด์ต่างก็มีตัวเลือกในการทำงานที่ดีและดีไซน์สวยๆ ให้คนรักกาแฟได้เลือกมากมาย แต่สำหรับคนรักกาแฟที่ต้องการได้เครื่องบดที่ให้รสชาติที่ดีที่สุด เราขอแนะนำเครื่องบดกาแฟ Mahlkonig เครื่องบดกาแฟที่ได้ฉายาว่าเป็น “ The King Of Grinders ” จากประเทศเยอรมนี เรื่องคุณภาพนั้นกินขาด อยากเป็นร้านกาแฟที่ทำกาแฟออกมาได้ดี ต้องมีเครื่องบด Mahlkonig
Mahlkonig คือตัวเลือกแรกของบาริสต้าจากทั่วทุกมุมโลก เป็นเครื่องบดกาแฟที่รับประกันคุณภาพสูงสุด นับตั้งแต่ปี 1924 สามารถสกัดเมล็ดกาแฟให้มีกลิ่นหอมและได้ความละเอียดที่สม่ำเสมอ มีประสิทธิภาพการบดที่โดดเด่น มีผลลัพธ์ที่มอบประสบการณ์ด้านรสชาติที่ไม่เหมือนใคร และนับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา เครื่องบดกาแฟทุกตัวที่ออกจาก Mahlkonig จะออกมาด้วยคุณภาพสูงสุด ผ่านการทดสอบการบดและการวิเคราะห์อนุภาคอย่างเป็นระบบก่อนออกจากโรงงาน จนในวันนี้เครื่องบดมาโคนิคได้รับฉายาว่าเป็น “The King Of Grinders” และได้รับความนิยมสูงสุดในด้านการใช้งานและในงานแข่งขันการชงกาแฟทั้งระดับประเทศและระดับโลก
ประเภทเครื่องบด : เครื่องบดแบบเฟืองบด (Burr Grinder)
วัสดุเฟืองบด : เหล็กพิเศษ (Special steel)
ขนาดการบด : สามารถตั้งค่าขนาดการบดได้หลายระดับ รองรับการทำกาแฟหลากหลายประเภท
เครื่องบดกาแฟที่ได้รับการยอมรับและถูกเลือกใช้โดยบาริสต้าทั่วโลก ปัจจุบันมีตัวเลือกให้เลือกตั้งแต่การใช้งานสำหรับใช้ภายในบ้าน ภายในร้านกาแฟไปจนถึงภายในโรงคั่ว โดยตัวเครื่องในปัจจุบันของมาโคนิคมีดังนี้
1. Mahlkonig X54 (Allround Home Grinder)
เครื่องบดกาแฟมาตรฐานใหม่ของเครื่องบดกาแฟใช้งานภายในบ้าน
2. Mahlkonig E65S (Espresso Grinder)
เครื่องบดกาแฟที่มาพร้อมกับดีไซน์ทันสมัย การทำงานเงียบ มีไอคอนเมนูสำหรับระบบที่ใช้งานง่าย สามารถปรับฟังก์ชันการบดได้เพียงมือเดียวและสามารถตั้งโปรเกรมเครื่องดื่มได้ถึง 6 เมนู
3. Mahlkonig EK43 (Allround Grinder)
เครื่องบดกาแฟที่เอาชนะอุตสาหกรรมกาแฟชนิดพิเศษระดับสากลและครองตำแหน่งราชินีแห่งเครื่องบดกาแฟที่ไร้ข้อโต้แย้ง มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง มีผลลัพธ์การบดระดับพรีเมียม โปรไฟล์การบดโดดเด่นและยังไม่มีใครเทียบ Mahlkonig EK43 ได้
4. Mahlkonig EK43S (Allround Grinder)
เครื่องบดกาแฟที่นำราชินีแห่งเครื่องบดกาแฟที่ไร้ข้อโต้แย้งมาสู่เคาน์เตอร์กาแฟที่มีขนาดเล็กลง
5. Mahlkonig EK43T (Allround Grinder)
เครื่องบดกาแฟขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการทำงานสูง เป็นรุ่นที่นิยมใช้ในการแข่งขันกาแฟชิงแชมป์โลก (World Competition) และได้รับการยอมรับจากบาริสต้าทั่วโลก มีความสม่ำเสมอของผงกาแฟมากที่สุด
6. Mahlkonig Ek43ST (Allround Grinder)
เครื่องบดกาแฟขนาดเล็ก (68 เซนติเมตร) ที่มีประสิทธิภาพในการบดผงกาแฟที่โดเด่น ให้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด เป็นจานบดแบบ Turkish Bur ที่ปรับการบดได้ง่ายและแม่นยำ
7. Mahlkonig Guatemala (Shop Grinder)
เครื่องบดกาแฟที่เหมาะกับการใช้งานในร้านกาแฟหรือโรงคั่วกาแฟ เพราะมีตัวเฟืองบดเป็นแนวตั้งทำให้เมื่อบดกาแฟแล้ว จะมีไม่ผงกาแฟตกค้างและมีช่องจ่ายกาแฟที่สามารถปรับและถอดออกได้ เพื่อสะดวกแกการรับผงกาแฟหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น แบบแก้ว แบบโถหรือแบบถุงใส่กาแฟ
8. Mahlkonig DK15 (Industrial Grinder)
เครื่องบดขนาดเล็กที่เป็น “The perfect entry to industrial grinding” มีการบดระดับพรีเมี่ยม สม่ำเสมอ รองรับความจุ 105 กิโลกรัมถึง 200 กิโลกรัม
9. Mahlkonig DK27 (Industrial Grinder)
เครื่องบดขนาดใหญ่สำหรับโรงคั่วที่ยกระดับความสามารถในการผลิต มีการบดระดับพรีเมี่ยม สม่ำเสมอ สามารถทำงานอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับสายการผลิตอัตโนมัติและจุได้มากถึง 230 กิโลกรัมถึง 300 กิโลกรัม
ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Line Official คลิ๊ก >>